คืออิสรชน คือคนดี คือศรีบูรพา (1)
: ศรีบูรพากับพัฒนาการนวนิยายไทย
ที่มา http://www.nationweekend.com/weekend/20050301/wed22.shtml
'ศรีบูรพา' เป็นนามปากกาของ กุหลาบ สายประดิษฐ์ ผู้เป็นนักเขียนและนักหนังสือพิมพ์ที่มีบทบาทในวงวรรณกรรมไทยตั้งแต่ราว พ.ศ.2472 จนถึง พ.ศ.2500 ในวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ.2548 จะเป็นวันครบรอบ 100 ปีชาตกาลของนักเขียนท่านนี้ และยังเป็นโอกาสสำคัญยิ่งในวงวรรณกรรมไทยคือเป็นปีแห่งการเฉลิมฉลองเนื่องจากยูเนสโกได้ประกาศให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก
บทบาทของ กุหลาบ สายประดิษฐ์ หรือศรีบูรพา ที่มีต่อสังคมไทย มีหลายด้าน ทั้งในฐานะนักหนังสือพิมพ์ที่มีจรรยาบรรณและให้ความสำคัญกับเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น บทบาทในฐานะผู้ใฝ่ในธรรมผู้เรียกร้องสันติภาพและความเป็นธรรมให้สังคมและบทบาทในฐานะนักประพันธ์ผู้สร้างพัฒนาการให้นวนิยายไทย
บทบาทของศรีบูรพาในการบุกเบิกนวนิยายไทยมีหลายประการ กล่าวคือ
ประการแรก ในยุคทศวรรษ 2470 ศรีบูรพาร่วมกับนักเขียนหนุ่มสาวในยุคนั้น อาทิ หม่อมเจ้าอากาศดำเกิงระพีพัฒน์ ดอกไม้สด บุกเบิกนวนิยายไทยให้นำเสนอปัญหาของสังคมไทยแทนที่จะแปลหรือแปลงนวนิยายจากต่างประเทศและนำเสนอแต่เรื่องรักสุขแบบพาฝัน นวนิยายในช่วงแรกของศรีบูรพาไม่เพียงแต่สะท้อนปัญหาสังคมไทย แต่ยังนำเสนอความใฝ่ฝันของหนุ่มสาวในยุคนั้น ซึ่งมีความหวังว่าชีวิตจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีหากพากเพียรศึกษาหาความรู้และเป็นคนดี
ประการที่สอง ศรีบูรพามีบทบาทสำคัญยิ่งในการบุกเบิกนวนิยายเพื่อชีวิตโดยใช้แนวทาง
'ศิลปเพื่อชีวิต' เช่นเดียวกับนักเขียนนวนิยายในยุคนั้น อาทิ เสนีย์ เสาวพงศ์ และอิศรา อมันตกุลที่มุ่งวิเคราะห์วิจารณ์และวิพากษ์ปัญหาสังคมและการเมืองไทย พร้อมทั้งนำเสนออุดมคติโดยใช้การสร้างตัวละครอุดมคติ บทสนทนาและบทบรรยาย
ประการที่สาม ศรีบูรพามีความสามารถเชิงวรรณศิลป์ในการนำเสนอนวนิยายที่มีเนื้อหาหนักแน่นทางสังคมและการเมืองให้ประทับใจผู้อ่าน ตัวละครเอกทั้งหญิงและชายมีชีวิตชีวาและมีลักษณะเด่นที่อยู่ในความทรงจำของผู้อ่าน ศรีบูรพาใช้แม่แบบด้านบุคลิก รูปร่างหน้าตา การแต่งกายและกิริยาท่าทางจากบุคคลจริง เพื่อให้ตัวละครมีชีวิตชีวา แล้วนำมาประกอบกับจินตนาการและเรื่องราวที่มีพื้นฐานมาจากความเป็นจริงในสังคมไทย ทำให้นวนิยายทุกเรื่องมีจุดเด่น และสร้างพัฒนาการให้นวนิยายนับตั้งแต่เริ่มการประพันธ์นวนิยายจนถึงเรื่องสุดท้ายคือแลไปข้างหน้าที่แม้จะแต่งไม่จบ แต่ก็น่าประทับใจด้วยศิลปะในการเล่าเรื่องและความเฉียบคมในการนำเสนอปัญหาในสังคมไทย
ในที่นี้จะกล่าวถึงนวนิยายเล่มสำคัญของศรีบูรพา ได้แก่ ลูกผู้ชาย สงครามชีวิต ข้างหลังภาพ ป่าในชีวิต จนกว่าเราจะพบกันอีก และแลไปข้างหน้า
ลูกผู้ชายกับอุดมคติสามัญชน
ลูกผู้ชาย แสดงถึงความใฝ่ฝันของสามัญชน โดยเสนอแนวคิดในเชิงอุดมคติเกี่ยวกับความเป็น 'ลูกผู้ชาย' ของหนุ่มสมัยนั้น ว่าการเป็นลูกผู้ชายไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ตระกูลหรือยศศักดิ์แต่อยู่ที่ความมานะบากบั่นเพียรพยายามในการสร้างตนเอง เป็นผู้มีคุณธรรม รู้จักเสียสละ และมีความยุติธรรม ระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวกับความยุติธรรม ผู้ที่เป็นลูกผู้ชายย่อมเลือกความยุติธรรม ลูกผู้ชายเสนอแนวความคิดที่ตรงกับความใฝ่ฝันของสามัญชนที่ได้รับการศึกษาในสมัยนั้นทำให้ได้รับความนิยมแพร่หลายเนื่องจากเป็นตัวแทนความรู้สึกของหนุ่มสาวร่วมสมัยในช่วงเวลาดังกล่าว
สงครามชีวิต : จุดเริ่มต้นของสำนึกทางมนุษยธรรมต่อผู้ยากไร้
'ศรีบูรพา' เขียนนวนิยายเรื่อง สงครามชีวิต และรวมพิมพ์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ.2475 ก่อนหน้าการเปลี่ยนแปลงการปกครองเพียงไม่ถึงเดือน นวนิยายเรื่องนี้แสดงสำนึกทางมนุษยธรรมต่อผู้ยากไร้ในสังคม พร้อมกันนั้นก็แสดงถึงสภาพความเลื่อมล้ำต่ำสูงในสังคมไทยและค่านิยมบางประการที่งมงายไร้สาระ นวนิยายเรื่องนี้มีความสำคัญต่อพัฒนาการนวนิยายไทย เนื่องจากเป็นจุดเริ่มต้นของความสำนึกทางมนุษยธรรมในนวนิยาย อย่างไรก็ตาม ความสำนึกทางมนุษยธรรมใน สงครามชีวิต เป็นอิทธิพลที่ได้รับจากต่างประเทศ 'ศรีบูรพา' ได้แบบอย่างโครงเรื่องมาจากเรื่อง Poor People ของ ฟีโอดอร์ ดอสโตเยฟสกี้ (Fyodor Dostoyevsky) นักประพันธ์ชาวรัสเซีย 'ศรีบูรพา' ได้อิทธิพลทั้งด้านรูปแบบและเนื้อหาจากนวนิยายเรื่องนี้มาเขียน สงครามชีวิต นับเป็นครั้งแรกที่นวนิยายไทยได้รับอิทธิพลจากนวนิยายรัสเซีย
ข้างหลังภาพ : ความตายของกรอบจารีตใน 'โลกเก่า'
'ศรีบูรพา' เขียนนวนิยายเรื่อง ข้างหลังภาพ ขึ้นเมื่อ พ.ศ.2480 ปีเดียวกับที่ดอกไม้สดเขียนเรื่อง ผู้ดี หัวใจของเรื่อง ข้างหลังภาพ อยู่ที่การสวนทางกันของความรักและความเข้าใจของหญิงชายคู่หนึ่งซึ่งมิได้แตกต่างกันแต่เพียงวัยเท่านั้น หากยังแตกต่างกันที่คนหนึ่งมีชีวิตอยู่ในสังคมแบบเก่า ได้รับการอบรมตามกรอบประเพณีของสังคมเก่า ส่วนอีกคนหนึ่งอยู่ในสังคมใหม่ อยู่ในโลกปัจจุบันไม่ใช่อดีต ศรีบูรพาแสดงให้เห็นความขัดแย้งของวิถีชีวิตและบุคลิกลักษณะ ซึ่งแสดงถึงความเป็นคนในสังคมต่างสมัยกันอย่างเด่นชัดตลอดเรื่อง
ป่าในชีวิต : ปัจเจกชนกับผลกระทบจากการเมือง
ศรีบูรพาประพันธ์เรื่อง ป่าในชีวิต ในช่วงเวลาใกล้เคียงกับเรื่อง ข้างหลังภาพ คือราว พ.ศ.2480 หลังจบเรื่อง ข้างหลังภาพ ได้ไม่นานนัก โดยลงพิมพ์เป็นตอนๆ ในหนังสือพิมพ์ สยามนิกรรายวัน เริ่มตั้งแต่ พ.ศ.2480 จนถึง 2481 รวม 73 วัน แต่ไม่ได้รับการรวมเป็นเล่มจนถึงปี พ.ศ.2532
ป่าในชีวิต เป็นนวนิยายที่ศรีบูรพานำเหตุการณ์ทางการเมืองในสังคมไทยในช่วงหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 ที่เกิดการกวาดล้างทางการเมืองและการกล่าวหาทางการเมืองอย่าง เหวี่ยงแห' มาเป็นเหตุการณ์ในนวนิยายที่นำเสนอ ว่าชีวิตที่ได้รับผลกระทบทางการเมือง ไม่เพียงแต่บุคคลที่ถูกกล่าวโทษและจับกุมทางการเมืองเท่านั้นที่ต้องเดือดร้อนและชีวิตต้องมีบาดแผลไปตลอดชีวิต แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลนั้น ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวหรือหญิงคนรักก็ต้องพลอยเผชิญเคราะห์กรรมที่ตนเองไม่ได้ก่อ อาจกล่าวได้ว่า ป่าในชีวิต เป็นนวนิยายที่กล่าวถึงการเมืองไทยอย่างชัดเจนเรื่องแรกของศรีบูรพา
จนกว่าเราจะพบกันอีก : จุดเริ่มต้นของนวนิยายเพื่อชีวิต
ศรีบูรพา เขียน จนกว่าเราจะพบกันอีก ประมาณ พ.ศ.2493 หลังกลับจากออสเตรเลีย นวนิยายเรื่องนี้กล่าวถึงนักเรียนไทย ลูกของผู้มีอันจะกินที่เคยใช้ชีวิตเสเพลในกรุงเทพฯ ต่อมาบิดาส่งไปออสเตรเลียเพื่อชุบตัวให้เป็นบุคคล 'ชั้นหัวกะทิ' ตามค่านิยมของสังคมไทย ชายหนุ่มได้พบหญิงที่มีอุดมคติ ผู้ซี่งมีอิทธิพลเปลี่ยนวิถีชีวิตของเขาให้เลิกประพฤติเสเพล กลายเป็นผู้มีอุดมคติรักเพื่อนมนุษย์และตั้งใจจะกลับมาทำประโยชน์ให้สังคมบ้านเกิดในที่สุด จนกว่าเราจะพบกันอีก สร้างความเปลี่ยนแปลงให้นวนิยายไทยด้วยการนำเสนอความรักที่กว้างใหญ่ไพศาลกว่าความรักของหนุ่มสาวคือความรักเพื่อนมนุษย์โดยเฉพาะประชาชนผู้ยากไร้ เป็นความรักที่อยู่เหนือกำแพงของเชื้อชาติ และสีผิว
แลไปข้างหน้า 'เพื่อชีวิตที่ดีกว่าของประชาชน'
ศรีบูรพาเขียน แลไปข้างหน้า ภาคปฐมวัยเมื่อ พ.ศ.2498 ขณะถูกจำคุก เนื่องจากกบฏสันติภาพ ส่วนภาคมัชฌิมวัย เขียนในช่วงปี พ.ศ.2500 และยังคงค้างไว้เพียง 3 บท แลไปข้างหน้า กล่าวถึงประวัติศาสตร์ตั้งแต่ช่วงก่อนหน้าการเปลี่ยนแปลงการปกครองจนถึงหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองซึ่งเรื่องค้างอยู่เพียงสมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ในระหว่างสงคราม ศรีบูรพาแสดงให้เห็นว่าอุดมการณ์ในยุคเริ่มแรกของคณะราษฎร์ที่เข้ามาจัดการเปลี่ยนแปลงการปกครองก็เพื่อแก้ไขความเดือดร้อนทุกข์ยากของราษฎรแต่เหตุการณ์ได้คลี่คลายไปในทางที่ทำให้เป็นที่น่าสงสัยว่าระบอบใหม่ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศดีขึ้น แลไปข้างหน้า เป็นพัฒนาการอีกก้าวหนึ่งของนวนิยายเพื่อชีวิตซึ่งมีความละเมียดละไมด้านกลวิธีที่จะเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับสังคมการเมือง
ในวาระครบรอบ 100 ปีชาตกาล กุหลาบ สายประดิษฐ์ และในโอกาสที่องค์การยูเนสโกประกาศยกย่องให้ ศรีบูรพา เป็นบุคคลสำคัญของโลก เราควรรำลึกถึง ศรีบูรพา ด้วยการกลับไปอ่านนวนิยายของ ศรีบูรพา และเรียนรู้ชีวิต ประสบการณ์และทัศนะของนักประพันธ์ท่านนี้ ที่ไม่ได้เป็นแค่ผู้เขียนนวนิยายแต่ยังเป็นนักหนังสือพิมพ์ที่มั่นคงในจรรยาบรรณและหน้าที่ของสื่อมวลชน เป็นนักต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมและเป็นอิสรชนที่ใช้พุทธธรรมนำวิถี ทั้งในการทำงานและการใช้ชีวิต